เมนู

ว่าด้วยนิเทศผัสสะ

(บาลีข้อ 261)
พึงทราบวินิจฉัยในนิเทศสฬายตนะเกิดเพราะนามรูปเป็นปัจจัย ต่อไป
ว่าโดยย่อผัสสะ 6 อย่างเท่านั้น มี
จักขุสัมผัสเป็นต้น ว่าโดยพิสดาร ผัสสะ
เหล่านั้นก็มี 32 อย่าง เหมือนวิญญาณ.

จริงอยู่ ว่าโดยย่อ ผัสสะ 6 อย่างเท่านั้น มีคำอาทิว่า จกฺขุสมฺผสฺโส
(จักขุสัมผัส) ดังนี้มาแล้วในบาลี. แต่โดยพิสดาร ผัสสะแม้ทั้งหมดมี 32
อย่าง เหมือนวิญญาณตามที่กล่าว เพราะสังขารเป็นปัจจัยอย่างนี้ คือ ผัสสะ
ทั้งหลาย มีจักขุสัมผัสสะเป็นต้น ที่เป็นกุศลวิบาก 5 ที่เป็นอกุศลวิบาก 5
เพราะฉะนั้น จึงรวมเป็น 10 ผัสสะที่เหลือ 22 ได้แก่ ผัสสะที่สัมปยุตด้วย
วิปากวิญญาณที่เป็นโลกีย์ 22 แล.

ว่าด้วยสฬายตนะเป็นปัจจัยแก่ผัสสะ


ก็ในสฬายตนะเป็นปัจจัย แก่ผัสสะทั้ง 32 นั้น
บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมปรารถนาอาย-
ตนะภายในมีจักขวายตนะเป็นต้นกับอาย-
ตนะที่ 6 พร้อมกับอายตนะแม้ภายนอก 6
ว่าชื่อว่า สฬายตนะ.

ในพระบาลีว่า ผัสสะเกิดเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย นั้น มี
อธิบายว่า บัณฑิตเหล่าใดย่อมแสดงปัจจัยและปัจจยุปบัน (ธรรมที่เกิดเพราะ
ปัจจัย) อันเนื่องด้วยสันตติหนึ่งเท่านั้นว่า นี้เป็นกถาแสดงความเป็นไปแห่ง
อุปาทินนกสังขาร ดังนี้ก่อน บัณฑิตเหล่านั้น ย่อมปรารถนาอายตนะภายในมี

จักขวายตนะเป็นต้นกับอายตนะที่ 6 ว่า ชื่อว่า สฬายตนะ เพราะการทำสรู-
เปกเสสนัยโดยเอกเทศว่า อายตนะที่ 6 ในอรูปภพ และอายตนะ 6 โดยรวมทั้ง
หมดในที่อื่นเป็นปัจจัยแก่ผัสสะ. โดยทำนองแห่งพระบาลีว่า ผัสสะเกิดเพราะ
อายตนะที่ 6 เป็นปัจจัย ดังนี้ จริงอยู่ อายตนะนั้น ในเพราะทำบทเหล่านี้ให้
เป็นเอกเสสมาสว่าอายตนะที่ 6 นั้นด้วย สฬายตนะด้วย ย่อมถึงอันนับว่า
สฬายนะ ดังนี้ ส่วนบัณฑิตเหล่าใด ย่อมแสดงปัจจยุปบันนธรรม (ธรรม
ที่เกิดแก่ปัจจัย) เป็นธรรมนับเนื่องด้วยสันตติเดียว แม้ปัจจัยมีสันดานต่างกัน
ก็มี บัณฑิตเหล่านั้น เมื่อแสดงอายตนะทั้งหมดที่เป็นปัจจัยแก่ผัสสะนั้น ก็กำหนด
เอาแม้อายตนะภายนอก ย่อมปรารถนาอายตนะภายในนั้น แหละกับอายตนะที่ 6
กับรูปายตนะเป็นต้น แม้เป็นอายตนะภายนอกว่า ชื่อว่า สฬายตนะ เพราะ
อายตนะภายนอกแม้นั้น ย่อมถึงการนับว่า สฬายตนะเหมือนกัน ในเพราะ
ท่านทำเอกเสสสมาสแห่งบทเหล่านี้ว่า อายตนะที่ 6 ด้วย สฬายตนะด้วย
ชื่อว่า สฬายตนะ ดังนี้.
ในข้อนี้ หากมีผู้ถามว่า ผัสสะหนึ่งย่อมไม่เกิดแต่อายตนะทั้งหมด แม้
ผัสสะทั้งหมดก็ย่อมไม่เกิดแต่อายตนะหนึ่ง ก็ผัสสะนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
เป็นหนึ่งเท่านั้น ด้วยพระดำรัสว่า สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส (ผัสสะเกิด
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย) ดังนี้ เพราะเหตุไร.
ในปัญหากรรมนี้ มีวิสัชนา ดังนี้ ข้อนี้เป็นความจริง ผัสสะหนึ่ง
ย่อมไม่เกิดแต่อายตนะทั้งหมด หรือผัสสะทั้งหมดย่อมไม่เกิดแต่อายตนะหนึ่ง
ก็แต่ว่า ผัสสะหนึ่งย่อมเกิดแต่อายตนะหลายอย่าง เช่นจักขุสัมผัสเกิดแต่จัก-
ขวายตนะ แต่รูปายตนะ แต่มนายตนะกล่าวคือจักขุวิญญาณ และแต่ธรรมาย-
ตนะที่สัมปยุตตกันที่เหลือ ฉันใด ในผัสสะทั้งปวงก็ฉันนั้น พึงประกอบตาม
สมควร ด้วยประการฉะนี้.

ก็เพราะเหตุนั้นนั่นแหละ
ผัสสะนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้คงที่
จึงทรงแสดงว่า ผัสสะหนึ่ง มีอายตะเป็น
อเนก (หลายอย่าง) เป็นแดนเกิด โดยนิเทศ
เป็นเอกวจนะในข้อว่า ผสฺโส สฬายตน-
ปุจฺจยา นี้.

คำว่า นิเทศเป็นเอกวจนะ นั้น ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้
คงที่ทรงแสดงว่า ผัสสะหนึ่งย่อมเกิดแต่อายตนะหลายอย่างดังนี้ โดยนิเทศเป็น
เอกวจนะนี้ว่า สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส ผัสสะเกิดเพราะสฬายตนะเป็น
ปัจจัย. ส่วนในอายตนะทั้งหลาย (ตรัสว่า)
อายตนะภายใน 5 เป็นปัจจัย 6 อย่าง
ต่อจากนั้น อายตนะหนึ่ง (มนายตนะ) เป็น
ปัจจัย 9 อย่าง และพึงชี้แจงอายตนะภาย
นอกทั้งหลาย ในความเป็นปัจจัยแก่ผัสสะนี้
ตามที่เกิดขึ้น.

ในคาถานั้น มีอธิบายดังนี้ อายตนะภายในมีจักขวายตนะเป็นต้น
เป็นปัจจัย 6 อย่าง แก่ผัสสะ 5 อย่าง ด้วยอำนาจแห่งนิสสยปัจจัย ปุเรชาต-
ปัจจัย อินทริยปัจจัย วิปปยุตตปัจจัย อัตถิปัจจัย และอวิคตปัจจัย แก่ผัสสะ5
อย่าง อันต่างโดยผัสสะ 5 มีจักขุสัมผัสเป็นต้น. เบื้องหน้าแต่นั้น อายตนะ
หนึ่ง คือมนายตนะที่เป็นวิบากเป็นปัจจัย 9 อย่าง แก่มโนสัมผัสที่เป็นวิบาก
โดยประเภทอเนก ด้วยอำนาจสหชาตปัจจัย อัญญมัญญปัจจัย นิสสยปัจจัย

วิปากปัจจัย อาหารปัจจัย อินทริยปัจจัย สัมปยุตตปัจจัย อัตถิปัจจัย และ
อวิคตปัจจัย แต่พึงอธิบายอายตนะภายนอก 6 ในความเป็นปัจจัยแก่ผัสสะนี้
ตามที่เกิดขึ้นอย่างนี้ว่า บรรดาอายตนะภายนอกทั้งหลาย รูปายตนะเป็นปัจจัย
แก่จักขุสัมผัส ด้วยอำนาจแห่งอารัมมณปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย อัตถิปัจจัย และ
อวิคตปัจจัย สัททายตนะเป็นต้น ก็เป็นปัจจัยแก่โสตสัมผัสเป็นต้น เหมือนอย่าง
นั้น แต่ว่า อายตนะภายนอกเหล่านั้น และธรรมายตนะเป็นปัจจัยแก่มโน-
สัมผัสโดยประการนั้น และโดยเพียงเป็นอารัมมณปัจจัยเท่านั้น ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
นิเทศผัสสะเกิดเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จบ

ว่าด้วยนิเทศเวทนา

(บาลีข้อ 262)
พึงทราบวินิจฉัยนิเทศเวทนาเกิดเพราะผัสสะเป็นปัจจัย ต่อไป
ว่าโดยทวาร พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสเวทนาไว้ 6 อย่างเท่านั้น มีเวทนาเกิด
แต่จักขุสัมผัสเป็นต้น โดยประเภท เวทนา
เหล่านั้น ตรัสไว้ 89 อย่าง.

จริงอยู่ ว่าโดยทวาร เวทนา 6 อย่างเท่านั้น มีเวทนาเกิดแต่จักขุ
สัมผัสเป็นต้นเหล่านี้ ตรัสไว้ในพระบาลีโดยนัยมีอาทิว่า จกฺขุสมฺผสฺสชา
เวทนา (เวทนาเกิดแต่จักขุสัมผัส) ดังนี้ แต่โดยประเภท เวทนาเหล่านั้น พึง
ทราบว่า มี 89 เพราะสัมปยุตด้วยจิต 89 ดวงแล.